การวางแผนแคมเปญออนไลน์สำหรับสื่อดิจิทัล ตอนที่ 1: การเปลี่ยนจากสื่อออฟไลน์เป็นสื่อออนไลน์
- theo5416
- 16 ก.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 24 ก.ย.

เมื่อวางแผนแคมเปญสื่อดิจิทัล ขั้นตอนแรกคือการทำความเข้าใจว่าการโฆษณาได้เปลี่ยนจากช่องทางออฟไลน์แบบดั้งเดิมไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างไร การเปลี่ยนแปลงนี้ได้กำหนดนิยามใหม่ของวิธีที่ธุรกิจต่างๆ จัดสรรงบประมาณ เข้าถึงลูกค้า และวัดผล ในโพสต์นี้ เราจะมาสำรวจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร มีความหมายอย่างไรต่ออุตสาหกรรมต่างๆ และธุรกิจต่างๆ จะสร้างสมดุลระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ได้อย่างไร
เหตุใดการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น
สื่อดั้งเดิมอย่างโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ และสื่อโฆษณากลางแจ้ง เคยครองงบประมาณการตลาดสูงสุด แต่ปัจจุบัน แพลตฟอร์มดิจิทัลกลับดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากที่สุด ในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว มีผู้คนมากกว่า 55 ล้านคนที่เชื่อมต่อผ่านดิจิทัล โดยใช้เวลามากกว่า 80% ไปกับอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายโฆษณาผ่านช่องทางดิจิทัลเพียงประมาณ 14% เท่านั้น
ช่องว่างระหว่างความสนใจของผู้บริโภคและการใช้จ่ายของแบรนด์นี้ ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้ บริษัทที่ล้มเหลวในการปรับตัวกำลังพลาดโอกาสในการเชื่อมต่อกับลูกค้า ณ จุดที่ลูกค้าใช้เวลาอยู่จริง
การผสมผสานสื่อตามอุตสาหกรรม
ไม่ใช่ทุกอุตสาหกรรมที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในอัตราเดียวกัน การผสมผสานสื่อที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจและพฤติกรรมของลูกค้าเป็นอย่างมาก:
อีคอมเมิร์ซ สตรีมมิ่ง และซอฟต์แวร์ มักจัดสรรงบประมาณ 80% หรือมากกว่านั้นให้กับช่องทางดิจิทัล เนื่องจากลูกค้าของพวกเขาออนไลน์อยู่แล้ว
อุตสาหกรรมยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ การศึกษา และประกันภัย มักจะมีความสมดุลกันประมาณ 50/50 อุตสาหกรรมเหล่านี้ยังคงพึ่งพาการสร้างความไว้วางใจแบบออฟไลน์ แต่ดิจิทัลมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการวิจัยและการตัดสินใจ
สินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมัน และยาต่างๆ ยังคงใช้งบประมาณส่วนใหญ่ไปกับสินค้าออฟไลน์ ประมาณร้อยละ 80 เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ซื้อในร้านค้าและมักได้รับแรงกระตุ้นจากการรับรู้ของมวลชน
การทำความเข้าใจเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรมของคุณถือเป็นแนวทางที่มีประโยชน์ แต่แต่ละแบรนด์จะต้องวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเฉพาะของตนด้วย
ไทย vs. สหรัฐอเมริกา: ช่องว่างการใช้จ่าย
ในสหรัฐอเมริกา การใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลได้แซงหน้าการใช้จ่ายผ่านช่องทางออฟไลน์ไปแล้วในหลายภาคส่วน แต่ในประเทศไทย การใช้จ่ายผ่านช่องทางออฟไลน์ยังคงสูงกว่า แม้ว่าการบริโภคผ่านช่องทางดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันก็ตาม ความล่าช้านี้อาจเกิดจากการพึ่งพาช่องทางดั้งเดิมทางวัฒนธรรม การยอมรับที่ล่าช้าของแบรนด์ใหญ่ หรือช่องว่างด้านทักษะดิจิทัล
สำหรับนักการตลาดในประเทศไทย นี่ถือเป็นโอกาส การลงทุนด้านดิจิทัลตั้งแต่เนิ่นๆ และชาญฉลาดกว่าคู่แข่ง จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ลดต้นทุนและสร้างผลกระทบได้สูงขึ้น ก่อนที่ตลาดจะปรับตัวได้อย่างเต็มที่
การสร้างสมดุลให้ถูกต้อง
ไม่มีการผสมผสานสื่อที่ “ถูกต้อง” ในทุกด้าน แต่บริษัทต่างๆ ควร:
วิเคราะห์การเดินทางของลูกค้า : ลูกค้าของคุณค้นคว้าข้อมูลออนไลน์ก่อนซื้อหรือไม่ หรือพวกเขาตอบสนองต่อแคมเปญออฟไลน์จำนวนมากมากกว่า
ทดสอบและเรียนรู้ : ดำเนินการโครงการนำร่องดิจิทัลขนาดเล็กควบคู่ไปกับแคมเปญออฟไลน์และวัดผลลัพธ์
เปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป : ย้ายงบประมาณไปยังแพลตฟอร์มที่คุณเห็นผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่รักษาสมดุลเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาช่องทางเดียวมากเกินไป
ตัวอย่างเช่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจยังคงต้องการป้ายโฆษณาแบบออฟไลน์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ควรเสริมด้วยโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาและโซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย ผู้ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นอาจพบว่าการเปลี่ยนการใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปสู่ช่องทางดิจิทัลนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยหันมาใช้ช่องทางออฟไลน์เพียงอย่างเดียวเพื่อเสริมสร้างแบรนด์
ความคิดสุดท้าย
การเปลี่ยนผ่านจากสื่อออฟไลน์สู่สื่อออนไลน์ไม่ใช่แค่กระแสหลัก แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในวิธีที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ บริษัทที่เข้าใจมาตรฐานอุตสาหกรรม ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และทดลองใช้ช่องทางดิจิทัล จะมีความพร้อมมากขึ้นในการประสบความสำเร็จในตลาดปัจจุบัน
ในส่วนต่อไปของซีรีส์นี้ เราจะมาดู องค์ประกอบพื้นฐานของการวางแผนสื่อดิจิทัล ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญ เช่น CPM, CPC และ ROI ที่นักการตลาดทุกคนต้องเข้าใจ เพื่อตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล
หากคุณต้องการเจาะลึกเซสชันนี้ คุณสามารถรับชมการบรรยายฉบับเต็มได้ที่นี่:
อยากรู้ว่าการผสมผสานสื่อดิจิทัลของคุณมีประสิทธิภาพแค่ไหน คลิกด้านล่างเพื่อขอรับบริการ Insight Audit จาก AIQ ฟรี และค้นพบโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณ
.png)


