ความเปลี่ยนแปลงของการตลาดผ่านไลน์ (Line Marketing)
- Thitima Satara
- 30 พ.ค. 2562
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 4 ก.ย.

ไลน์ (Line) หรือไลน์เมสเซนเจอร์เป็นโปรแกรมแชทที่ใช้งานกันมากที่สุดในประเทศไทย มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่นเกิดจากบริษัทที่ตั้งใจสร้างแอพส่งข้อความช่วงปี 2011 เริ่มโตในตลาดประเทศไทยตั้งแต่ปี 2013 และกลายมาเป็นโปรแกรมแชทที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 40 ล้านคนต่อเดือน
ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ไลน์ได้เติบโตและทดสอบทำโมเดลธุรกิจรูปแบบอื่นมานำเสนอกับการทำโฆษณา ในช่วงเริ่มต้นไลน์จะยังมีผลิตภัณฑ์หลัก สรุปโดยย่อดังนี้
Line@: เป็นแพ็คเกจที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มธุรกิจรายย่อย (SME) เปิดช่องทางให้เจ้าของธุรกิจสร้างช่องทางผู้ติดตามได้กว่า 300,000 คนในราคา 8,000 บาทต่อเดือน
Line Official Account: ออกแบบมาสำหรับกลุ่มธุรกิจหรือแบรนด์ใหญ่ๆ เปิดช่องทางมีผู้ติดตามได้ไม่จำกัด และสามารถเพิ่มผู้ติดตามได้ด้วยการการแจกสติกเกอร์ให้ติดตามแบรนด์ได้
ปัญหาหลักๆของช่องทางสองช่องนี้อยู่ที่ความสามารถในการรวบรวมข้อมูล ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครคือผู้ติดตามของเรา แถมยังไม่สามารถจัดกลุ่มผู้ติดตามเพื่อยิงโฆษณาและโปรโมชั่นได้ด้วย ทำให้ไลน์ออกแบบโปรแกรมใหม่ขึ้นมา “Line BC” ในช่วงปี 2016
ทีนี้ก็กรอเทปมาเลยจนถึงพฤษภาคม 2019 เดือนที่ไลน์ปิดทุกช่องทางเพื่อล้างกระดาน รวบรวมมาไว้ในระบบเดียว ออกแบบมาให้เหมาะกับทั้งกลุ่มธุรกิจรายย่อยและแบรนด์ยักษ์ใหญ่ โปรแกรมนี้จะอนุญาตให้ทุกเจ้าของธุรกิจสื่อสารกับผู้บริโภคได้ทุกคนอย่างใกล้ชิด มันมีชื่อว่า “Line OA/BC” มาอ่านดูกันต่อเลยว่ามันมีอะไรเกี่ยวกับมันอีกบ้าง
คนทำโฆษณาทุกคนจะต้องมาใช้แพลทฟอร์มใหม่ Line OA/BC โปรแกรม Line@ จะปิดตัวไปรวมในช่วงเดือนกันยายน 2019 สำหรับลูกค้าที่ใช้ Line OA ก็จะยังใช้งานได้ปรกติจนกว่าจะหมดสัญญา แต่หากจะต่อสัญญาต้องเปลี่ยนมาใช้แพลมฟอร์มใหม่
ราคาเปลี่ยนไป ค่าโฆษณาจะอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเดือน สามารถเปิดใช้งาน Line OA/BC ได้เลย โดยนับเป็น 10,000 แชท(กับลูกค้า)ต่อเดือน ส่งข้อความเกินคิด 0.10 บาทต่อ followers
ถ้าแบรนด์อยากจะเก็บข้อมูลลูกค้าไปทำการตลาดแบบ Personalized แบรนด์หรือนักทำโฆษณาก็จะต้องเลือกทำบนแพลทฟอร์มของไลน์ “Line BCRM” หรือเลือกใช้แพลทฟอร์ทบริหารจัดการความสัมพันธ์ของลูกค้า (CRM) อื่นๆ อย่าง Salesforce เท่านั้น
สรุปว่า ทิศทางโมเดลรูปแบบธุรกิจบนการตลาดของไลน์กำลังไปได้สวย ช่วยให้แบรนด์หรือนักทำโฆษณาได้เลือกสื่อสารจัดกลุ่มกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ไลน์ยังเปิดช่องทางให้เก็บข้อมูลลูกค้าลงไปถึง อายุ เพศ ที่อยู่ ถึงแม้ว่าระบบจะยังสู้กับแพลทฟอร์มอย่าง Facebook ไม่ได้ แต่ถือว่ากำลังไปได้สวยเลยทีเดียว
.png)



